ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. ได้เล็งเห็นความสำคัญที่จังหวัดอุบลราชธานี มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก และส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ อาทิ การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีและการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน การส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตรเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน การส่งเสริมและพัฒนาการผลิตพืชเศรษฐกิจ รวมไปถึงการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าวคุณภาพที่ได้มาตรฐาน จึงเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญและมีชื่อเสียงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จึงเลือกจังหวัดอุบลราชธานีเป็น 1 ใน 10 จังหวัด ของการจัดโครงการอบรมความรู้ประกันภัย “Training for the Trainers” สำหรับการประกันภัย ข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 18-19 มิถุนายน 2562 ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานี นับเป็นครั้งที่ 8 ของการจัดอบรมตามโครงการนี้ โดยพบว่าในปี 2561 จังหวัดอุบลราชธานีมีพื้นที่ปลูกข้าวนาปี จำนวน 3.67 ล้านไร่ (ติดอันดับ 1) ของประเทศ และมีการทำประกันภัยข้าวนาปี จำนวน 1.57 ล้านไร่ คิดเป็น 42.89% (ติดอันดับที่ 3) ของประเทศ ทั้งนี้สำนักงาน คปภ. มีความคาดหวังว่าปีนี้ จังหวัดอุบลราชธานีจะขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ที่มีการทำประกันภัยข้าวนาปี นอกจากนี้ จังหวัดอุบลราชธานียังมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูแล้ง (รอบที่2) จำนวน 12,302 ไร่ โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วม ดังนั้นจึงต้องให้ความรู้ด้านประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พร้อมทั้งผลักดันให้นำระบบประกันภัยเข้ามาเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ
โดยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2562 ตนได้มอบหมายให้นายชนะพล มหาวงษ์ รองเลขาธิการด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ พร้อมด้วยคณะวิทยากร เจ้าหน้าที่สำนักงาน คปภ. ตลอดจนภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ลงพื้นที่พบปะเกษตรกร จำนวน 250 ราย ณ ศาลาปฏิบัติธรรมวัดทุ่งศรีวิไล บ้านชีทวน ตำบลชีทวน อำเภอเขื่องในเพื่อรับฟังสภาพปัญหา อุปสรรค ข้อคิดเห็น ตลอดจนข้อเสนอแนะของการทำประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยเกษตรกรได้สะท้อนสภาพปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เช่น กรณีการเช่าที่นาปลูกข้าวจะต้องใช้เอกสารลักษณะใดเพื่อได้รับสิทธิ์ในการทำประกันภัยข้าวนาปี กรณีนาข้าวได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ แต่ไม่มีการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติจะได้รับการเยียวยาหรือไม่ กรณีเอกสารสิทธิที่ดินประเภทใดที่จะได้รับสิทธิ์ทำประกันภัยข้าวนาปี กรณีการขึ้นและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจะทำในช่วงเวลาใด เป็นต้น ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ได้รับการชี้แจงและแนะนำ
โดยคณะวิทยากรจากสำนักงาน คปภ. เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส. และผู้แทนจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย รวมทั้งได้มีการรวบรวมข้อมูลการลงพื้นที่พบปะเกษตรกรในครั้งนี้เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการรับประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ดียิ่งขึ้นในปีต่อๆไป
ถัดมาในวันที่ 19 มิถุนายน 2562 เวลา 8.30 น. ณ ห้องปทุมทิพย์ โรงแรมสุนีย์แกรนด์ แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดอุบลราชธานี ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยเรื่องการบูรณาการส่งเสริมความรู้และสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย กับ หอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี โดยนายนิมิต สิทธิไตรย์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมลงนาม และได้รับเกียรติจาก นายเฉลิมพล มั่งคั่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธี โดยมีนายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งกรอบความร่วมมือดังกล่าวมุ่งเน้นการส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ประกอบการพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมในจังหวัดอุบลราชธานีได้รับความรู้ด้านการประกันภัย ตลอดจนเป็นเครือข่ายในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านประกันภัยไปสู่เกษตรกรและภาคส่วนต่างๆในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีอย่างครบวงจร นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนภูเขาไฟ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงและเป็นหลักประกันความมั่นคงในการทำสวนทุเรียนภูเขาไฟอีกด้วย
ต่อจากนั้น เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานกล่าวเปิดโครงการอบรมความรู้ประกันภัย (Training for the Trainers) สำหรับการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประจำปี 2562 ณ ห้องทับทิมสยาม 2 ชั้น 5 โรงแรมสุนีย์แกรนด์ แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดอุบลราชธานีโดยมีนายเฉลิมพล มั่งคั่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้เกียรติกล่าวต้อนรับและกล่าวขอบคุณ สำนักงาน คปภ. ที่เลือกจังหวัดขอนแก่นเป็น 1 ใน 10 จังหวัด เพื่อจัดอบรมความรู้ด้านประกันภัยในปีนี้ อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับเกษตรกรในจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อนำระบบประกันภัยใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่เพื่อรับฟังสภาพปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ของเกษตรกรจังหวัดอุบลราชธานีในครั้งนี้ถือเป็นการตะลุยลงพื้นที่โค้งสุดท้ายเพื่อกระตุ้นชาวนาในพื้นที่ภาคอีสานเร่งทำประกันภัยข้าวนาปีก่อนวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการรับทำประกันภัยข้าวนาปีในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน รวมทั้งรับฟังสภาพปัญหาและให้ความรู้ด้านประกันภัยแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ซึ่งในปีนี้การทำประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีความโดดเด่นและแตกต่างจากปีก่อน ๆ 3 ประการ คือ ประการแรก รูปแบบการทำประกันภัยปีนี้รัฐบาลมีหลักการให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย โดยสามารถซื้อหรือทำประกันภัยเพิ่ม เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองมากขึ้น ประการที่สอง มีการเพิ่มความคุ้มครอง “ภัยช้างป่า” เข้ามาอีก 1 ภัย ทำให้สามารถคุ้มครองความเสี่ยงภัยกับเกษตรกรได้ถึง 8 ประเภท จากเดิมที่ครอบคลุมภัยจากน้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยแมลงศัตรูพืชหรือโรคระบาด
ประการที่สาม มีการกำหนดอัตราค่าเบี้ยประกันภัยข้าวนาปีอยู่ที่ 85 บาทต่อไร่ ทุกพื้นที่ทั่วประเทศโดยรัฐบาลอุดหนุน 51 บาทต่อไร่ และธ.ก.ส. อุดหนุน 34 บาทต่อไร่ ได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 1,260 บาทต่อไร่ ซึ่งเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยแม้แต่บาทเดียว หากเป็นเกษตรกรทั่วไปที่ไม่ใช่ลูกค้า ธ.ส.ก. จะได้รับการสนับสนุนเบี้ยประกันภัยจากรัฐบาล 51 บาทต่อไร่ โดยเกษตรกรทั่วไปจ่ายส่วนต่างที่เหลือเองแค่ 34 บาทต่อไร่เท่านั้น
ในส่วนของการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2562 มีอัตราค่าเบี้ยประกันภัย 59 บาทต่อไร่ ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยรัฐบาลอุดหนุน 35 บาทต่อไร่ และ ธ.ก.ส. อุดหนุน 24 บาทต่อไร่ ได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 1,500 บาท ซึ่งเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยแม้แต่บาทเดียว หากเป็นเกษตรกรทั่วไปที่ ไม่ใช่ลูกค้า ธ.ส.ก. จะได้รับการสนับสนุนเบี้ยประกันภัยจากรัฐบาล 35 บาทต่อไร่ โดยเกษตรกรทั่วไปจ่ายส่วนต่างที่เหลือเองแค่ 24 บาทต่อไร่
ดังนั้น อยากเชิญชวนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีเร่งขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อได้รับสิทธิ์ทำประกันภัยข้าวนาปี ประจำปี 2562 ได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2562 (ยกเว้นภาคใต้ถึง 15 ธันวาคม 2562) ส่วนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในรอบที่ 2 สามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อได้รับสิทธิ์ทำประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 15 มกราคม 2563 และหากต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับการประกันภัยข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้ที่แอพพลิเคชั่น “กูรูประกันข้าว” หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน คปภ. 1186
ที่มา : https://www.oic.or.th/th/consumer/news/releases/89534