คปภ. เร่งติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของรอง ผกก.(สอบสวน) กองกำกับการ 2 กองปราบปราม

คปภ. เร่งติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของรอง ผกก.(สอบสวน) กองกำกับการ 2 กองปราบปราม

• เตือนประชาชนเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ขับขี่ด้วยความไม่ประมาท เมาไม่ขับ พักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายและสภาพรถให้พร้อม และปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด

• คปภ. เปิดให้บริการสายด่วน คปภ. 1186 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ตลอด 24 ชั่วโมง
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2562 ได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์(รถเบ๊นซ์) หมายเลขทะเบียน ษฮ 789 กรุงเทพมหานคร ชนกับรถยนต์(ซูซูกิ) หมายเลขทะเบียน 2กก 3653 กรุงเทพมหานคร บนถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน คือ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กองกำกับการ 2 กองปราบปราม และนางนุชนาถ งามสุวิชชากุล ภรรยา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน คือ เด็กหญิงพิชญาภา งามสุวิชชากุล บุตรสาวของพ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล จึงได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์และ สำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ ลงพื้นที่เพื่อติดตามและประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการประกันภัยโดยทันที
จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดของ สำนักงาน คปภ. พบว่ารถยนต์ทั้ง 2 คัน ได้รับความคุ้มครองจากการประกันภัย ดังนี้
1. รถยนต์(เบ๊นซ์) หมายเลขทะเบียน ษฮ 789 กรุงเทพมหานคร ได้ทำประกันภัยไว้กับ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด(มหาชน) เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2561 และสิ้นสุดความคุ้มครองในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 เป็นการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 61-8-5209000-01726 และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 3+ กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 61-3-5-709808 โดยให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก สำหรับความเสียหายของชีวิต ร่างกาย และอนามัย จำนวนเงินเอาประกันภัย 300,000 บาทต่อคน และความเสียหายต่อทรัพย์สิน จำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000,000 บาท
2. รถยนต์(ซูซูกิ) หมายเลขทะเบียน 2กก 3653 กรุงเทพมหานคร ได้ทำประกันภัยไว้กับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 และสิ้นสุดความคุ้มครองในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 6211337051681 และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1 กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 62113/กธ/011105-10 โดยความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย (PA) กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร จำนวนเงินเอาประกันภัย รายละ 200,000 บาท และค่ารักษาพยาบาล วงเงินรายละ 200,000 บาท
สำหรับในส่วนของความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ได้ให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัย กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวร จำนวน 300,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน จำนวน 80,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยวันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน
ทั้งนี้ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์และสำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ ได้ลงพื้นที่และประสานงานกับ บมจ.สินมั่นคงประกันภัย และบมจ.วิริยะประกันภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ประสบภัยและทายาทโดยด่วน และล่าสุดได้รับแจ้งจากทั้งสองบริษัทประกันภัยว่า พร้อมจ่ายค่าสินไหมทดแทนและอยู่ระหว่างการติดต่อประสานกับผู้ประสบภัยและทายาท สำหรับสัญญาประกันภัยอื่นๆนั้น จะมีการติดตามและประสานกับบริษัทประกันภัยอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัยเพิ่มเติม หากพบว่ามีการทำประกันภัยไว้ จะเร่งดำเนินการให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยเร็วต่อไป
“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยว จะขับขี่ด้วยความไม่ประมาท เมาไม่ขับ พักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายและสภาพรถให้พร้อม และปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด และขอให้ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยและวันหมดอายุของการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ด้วย เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองจากการประกันภัย อุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการประกันภัยเพื่อให้ระบบประกันภัยมาช่วยบริหารความเสี่ยง และเยียวยาความสูญเสียต่างๆที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมด้านการประกันภัย สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186 โดยในช่วง 7 วันอันตรายนี้ ได้เปิดให้บริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
ที่มา : https://www.oic.or.th/th/consumer/news/releases/89330

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *