คปภ. เร่งเยียวยาค่าสินไหมทดแทนกรณีรถพ่วง 18 ล้อชนสยองรถตู้ ตกคลองชลประทาน แรงงานต่างด้าวดับ 10 ศพ จังหวัดกาญจนบุรี

คปภ. เร่งเยียวยาค่าสินไหมทดแทนกรณีรถพ่วง 18 ล้อชนสยองรถตู้ ตกคลองชลประทาน แรงงานต่างด้าวดับ 10 ศพ จังหวัดกาญจนบุรี

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ (หัวลาก) หมายเลขทะเบียน 70-7352 เพชรบุรี (ตัวพ่วง) หมายเลขทะเบียน 70-7353 เพชรบุรี พุ่งชนรถตู้ (แบบไม่ประจำทาง) หมายเลขทะเบียน 30-1853 จันทบุรี ทำให้รถทั้ง 2 คัน เสียหลักตกลงไปในคลองชลประทานสายบ้านถ้ำ-เพชรบุรี บริเวณแยกสระเศรษฐี หมู่ที่4 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 6 ราย และเสียชีวิต จำนวน 10 ราย โดยเบื้องต้นพบว่า มีผู้บาดเจ็บ 6 ราย เป็นผู้ขับรถตู้ 1 ราย ผู้ขับรถบรรทุก 1 ราย และเป็นแรงงานต่างด้าว 4 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 10 ราย เป็นแรงงานชาวลาวและเวียดนาม ที่นั่งโดยสารมากับรถตู้คันที่ประสบอุบัติเหตุดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2562 โดยได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการ ร่วมกับ สำนักงาน คปภ. ภาค 7 (นครปฐม) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดกาญจนบุรี ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 10 ราย ที่เป็นแรงงานต่างด้าว ได้มีการทำประกันชีวิตหรือประกันอุบัติเหตุประเภทกลุ่มไว้ด้วยหรือไม่ เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้รับรายงานเบื้องต้นจาก สำนักงาน คปภ. จังหวัดกาญจนบุรี ว่า รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ (หัวลาก) หมายเลขทะเบียน 70-7352 เพชรบุรี ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 61216-4132015 เริ่มคุ้มครองวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30  มิถุนายน 2562 และได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 3 ไว้กับ บริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 62-3-2-012037 เริ่มคุ้มครองวันที่ 8 มกราคม 2562 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 8 มกราคม 2563 ส่วน (ตัวพ่วง) หมายเลขทะเบียน 70-7353 เพชรบุรี ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 61216-4132016 เริ่มคุ้มครองวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2562 และได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 3 ไว้กับ บริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 62-3-2-012037 เริ่มคุ้มครองวันที่ 8 มกราคม 2562 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 8 มกราคม 2563 (ซึ่งเป็นการทำประกันภัยส่วนควบความคุ้มครองเดียวกันกับหัวลาก)
ในส่วนของรถตู้หมายเลขทะเบียน 30-1853 จันทบุรี ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 61207-3206203 เริ่มคุ้มครองวันที่ 31 มีนาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 31 มีนาคม 2562 และได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 77542013 เริ่มคุ้มครองวันที่ 11 มีนาคม 2562 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 11 มีนาคม 2563 รวมทั้งได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 1 ไว้กับ บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เลขที่ 31733948 เริ่มคุ้มครองวันที่ 11 มีนาคม 2562 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 11 มีนาคม 2563
สำหรับการติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้บาดเจ็บทั้ง 6 รายนั้น ได้มีการประสานกับบริษัทประกันภัยเพื่อแจ้งสิทธิการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลท่าม่วงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้บาดเจ็บทั้ง 6 ราย มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยและเดินทางกลับบ้านแล้ว ส่วนการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 10 รายนั้น สำนักงาน คปภ. จังหวัดกาญจนบุรี ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองเกี่ยวกับการออกเอกสารต่างๆของผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยประสานกับบริษัทประกันภัย รวมทั้งเร่งรัดเรื่องการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้มีความรวดเร็วและเป็นธรรม โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดทำเอกสารประกอบการจ่ายค่าสินไหมทดแทนต่อไป
“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และถึงแม้ว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 10 ราย จะเป็นแรงงานต่างด้าว แต่ก็ได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันภัยของไทย ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากเตือนประชาชนควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะเส้นทางการจราจรที่ไม่คุ้นเคย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ และหมั่นตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนตรวจวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งควรทำกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและกรมธรรม์ประกันชีวิตอื่นๆ ด้วย เพื่อที่ระบบประกันภัยจะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่างๆที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัย สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
ที่มา : https://www.oic.or.th/th/consumer/news/releases/89277

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *