ประกันภัยจ่ายสินไหมครอบครัวผู้เสียชีวิตกรณีรถเบนซ์พุ่งชนบนทางด่วนแล้ว • เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานไกล่เกลี่ยฯ จนสำเร็จบนรอยยิ้มของครอบครัวผู้เสียชีวิต บริษัทประกันภัยเด้งรับ..! จ่ายค่าสินไหมฯ เต็มวงเงินประกัน

ประกันภัยจ่ายสินไหมครอบครัวผู้เสียชีวิตกรณีรถเบนซ์พุ่งชนบนทางด่วนแล้ว • เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานไกล่เกลี่ยฯ จนสำเร็จบนรอยยิ้มของครอบครัวผู้เสียชีวิต บริษัทประกันภัยเด้งรับ..! จ่ายค่าสินไหมฯ เต็มวงเงินประกัน

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เบนซ์ E200 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กจ-914 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนท้ายรถยนต์กระบะ ทะเบียน ถถ-797 กรุงเทพมหานคร ที่จอดเสียอยู่บริเวณบนทางด่วน 2 ทิศทางฝั่งขาเข้าช่วงวัดบัวขวัญ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายคริษฐ์ วรากลาง อายุ 22 ปี และนายวุฒิชัย สุราชา อายุ 32 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเบื้องต้น ตนได้สั่งการสำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ตรวจสอบและลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยอย่างใกล้ชิด ตลอดจนติดตามเร่งรัดให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพื่อเยียวยาความสูญเสียโดยเร็ว

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างยิ่ง โดยได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสำนักงาน คปภ. ภาค 7 (นครปฐม) สำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรีและสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) ติดตามบริษัทประกันภัยเพื่อเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตมีการทำประกันชีวิตหรือประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลประเภทอื่นๆ ไว้ด้วยหรือไม่ เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้ง 2 ราย อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรม

โดยเบื้องต้นได้รับรายงานจาก สำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ว่ารถยนต์เบนซ์ ทะเบียน 1กจ-914 กรุงเทพมหานคร ไม่ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) แต่ทำประกันภัยประเภท 1 ไว้กับ บริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 000-A10018-032040 เริ่มความคุ้มครอง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 24 มีนาคม 2562 โดยให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ. จำนวน 1,000,000 บาท ต่อคน และ 10,000,000 บาท ต่อครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สิน จำนวน 2,500,000 บาท ต่อครั้ง)

ในส่วนของรถยนต์กระบะ ทะเบียน ถถ-797 กรุงเทพมหานคร ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 001D/MC00-18-155172 เริ่มความคุ้มครอง เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 1 ธันวาคม 2562 และได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 1 ไว้กับ บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 001D/MA00-18-029266 เริ่มความคุ้มครอง เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 1 ธันวาคม 2562 โดยให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ. จำนวน 500,000 บาท ต่อคน และ 10,000,000 บาท ต่อครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สิน จำนวน 1,000,000 บาท ต่อครั้ง) สำหรับความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย (ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะทุพพลภาพถาวร ผู้ขับขี่ 1 คน จำนวน 100,000 บาท ผู้โดยสาร 2 คน จำนวน 100,000 บาท ต่อคน ค่ารักษาพยาบาล จำนวน 100,000 บาท ต่อคน การประกันตัวผู้ขับขี่ 200,000 บาท ต่อครั้ง)

นอกจากนี้ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ได้ตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เป็นพนักงานของบริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด ได้ทำประกันกลุ่ม ตามไอดีบัตรเลขที่ จี3-4898-E0002610344 ไว้กับ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ดังนั้น ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย จะได้รับค่าสินไหมทดแทนอีกรายละ 310,000 บาท

สำหรับความคืบหน้าในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายนั้น ได้รับรายงานจาก สำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา ว่า ญาติของนายคริษฐ์ วรากลาง อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตครั้งนี้ ได้นำศพของนายคริษฐ์กลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในจังหวัดนครราชสีมาแล้ว และเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2561 บริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งรับประกันภัยประเภท 1 ของรถเบนซ์ที่ขับชน ได้นำเช็คค่าสินไหมทดแทน จำนวน 1,000,000 บาท มอบให้กับนางวนาพร ศักดิ์วิริยา มารดาของนายคริษฐ์ วรากลาง ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรม โดยมีนางกาญจนา ศรีคราม ผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) ร่วมเป็นสักขีพยานการรับมอบฯ ณ ห้องประชุมสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา)

ในรายของ นายวุฒิชัย สุราชา อายุ 32 ปี ผู้เสียชีวิตอีก 1 รายนั้น ญาตินำศพบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดนนทบุรี เนื่องจากมีทายาทของผู้เสียชีวิตหลายคนและยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิตามสัญญาประกันภัย ในเบื้องต้นจึงยังไม่สามารถตกลงในเรื่องค่าสินไหมทดแทนได้ สำนักงาน คปภ. จึงเข้าช่วยเหลือ โดยเลขาธิการ คปภ.ได้เชิญกลุ่มทายาทผู้เสียชีวิตและบริษัทประกันภัยมาหารือและเจรจาไกล่เกลี่ย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2561 ณ สำนักงาน คปภ. จนสามารถตกลงกันได้โดย บริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตกลงจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวน 1,000,000 บาท ซึ่งเป็นการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนตามความคุ้มครองหมวดความรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามกรมธรรม์แล้ว แต่ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิที่ทายาทผู้เสียชีวิตจะดำเนินคดีในส่วนการละเมิดกับผู้ที่ทำละเมิด ส่วนบริษัทไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตกลงจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวน 35,000 บาท และตกลงจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์อุบัติเหตุส่วนบุคคลจำนวน 100,000 บาท ให้แก่ภรรยาของผู้เสียชีวิต โดยในส่วนของผู้เสียชีวิตอีกรายหนึ่งที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จะได้ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวน 135,000 บาท ให้แก่ทายาทโดยธรรมต่อไป

ต่อมาในวันนี้ (18 ธันวาคม 2561) ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานสักขีพยานการส่งมอบเช็คให้กับทายาทของนายวุฒิชัย สุราชา ผู้เสียชีวิต โดย บริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบค่าสินไหมทดแทน จำนวน 1,000,000 บาท และบริษัทไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบค่าสินไหมทดแทนจำนวน 135,000 บาท (จากกรมธรรม์อุบัติเหตุส่วนบุคคล (รย.01) จำนวน 100,000 บาท และค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวน 35,000 บาท) ณ ห้องรับรองชั้น 2 สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ในส่วนของการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยอื่นๆ จะมีการติดตามและเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็ว ถูกต้องและเป็นธรรมต่อไป

“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัยและขอฝากเตือนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ควรเพิ่มความระมัดระวังต่อการขับขี่ยวดยาน ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ให้มากยิ่งขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการดื่มผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ควรหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจและกรมธรรม์ประกันภัยอื่นๆ เพื่อที่ระบบประกันภัยจะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องประกันภัยสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *